วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประวัติของ Teddy bear





เทดดี้แบร์ (Teddy Bear) เพิ่งจะปรากฏตนเป็นเพื่อนของเราเมื่อไม่นานมานี้เอง เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว


ในปี ค.ศ.1902 ที่เกิดเหตุการณ์ในคนละฟากมหาสมุทร ทั้งในสหรัฐอเมริกาและเยอรมัน จนเป็นต้นกำเนิดของ ตุ๊กตาหมี ที่มีชื่อว่า "Teddy Bear"

ภาพวาด "Drawing the Line in Mississippi"

ของ คลิฟฟอร์ด เบอร์รีแมน เรื่องราวในสหรัฐอเมริกาเล่ากันว่า เทดดี้แบร์มาจากการวาดของนักเขียนการ์ตูนล้อการเมืองที่ชื่อ คลิฟฟอร์ด เบอร์รีแมน วาดภาพที่ชื่อว่า "Drawing the Line in Mississippi" เป็นภาพ ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ ปฏิเสธจะยิงลูกหมีที่ถูกจับล่ามเอาไว้กับต้นไม้ ตามเรื่องราวที่เล่ากันมาบอกว่า ประธานาธิบดีรูสเวลท์ เดินทางไป มลรัฐมิสซิสซิปปี้ เพื่อช่วยเจรจาแบ่งเส้นพรมแดนที่มีปัญหากับรัฐลุยส์เซียน่า และเจ้าภาพให้การต้อนรับผู้นำของประเทศโดยชวนไปล่าหมีในป่า แต่โชคร้ายที่ไม่พบหมีให้ล่า จึงมีคนหัวใสนำเอาลูกหมีมาให้ แต่ประธานาธิบดีปฏิเสธที่จะยิงหมีที่ถูกล่าม เช่นนั้นทำให้ นายเบอร์รี แมนนักวาดภาพการ์ตูนประทับใจจึงการ์ตูนปรากฏใน เดอะวอชิงตันโพสต์ ฉบับวันที่ 16 พฤศจิกายน 1902 และเป็นที่กล่าวขวัญกันมาก เป็นแรงบันดาลใจให้สามีภรรยาที่ชื่อ มอร์ริส และโรส มิชทอมส์ ซึ่งอยู่ในนิวยอร์คทำ ตุ๊กตาหมีขึ้น เพื่อยกย่องการกระทำของประธานาธิบดีรูสเวลท์ ครอบครัวมิชทอมส์ตั้งชื่อ ตุ๊กตาหมี ของตนว่า "เทดดี้แบร์" มาจาก เทดดี้ อันเป็นชื่อเล่นของ ธีโอดอร์ รูสเวลท์

และนำวางโชว์ที่ตู้กระจกหน้าร้านขายลูกกวาดและเครื่องเขียนของตน ตุ๊กตาที่วางโชว์หน้าร้านตัวนี้ ต่างจาก ตุ๊กตาหมี ที่เคยทำกันมาซึ่งมักจะมีหน้าตาดุร้าย และยืนสี่ขาเหมือนกับหมีจริง แต่หมีของครอบครัวมิชทอมส์เป็นลูกหมีดูน่ารัก ไร้เดียงสา ยืนตัวตรงเหมือนหมีในการ์ตูนของเบอร์รี่แมน นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ ตุ๊กตาหมี "เทดดี้แบร์" ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนครอบครัวมิชทอมส์สามารถตั้งโรงงานผลิต ตุ๊กตาหมี ขึ้นเป็นครั้งแรกในอเมริกา ที่ชื่อว่า Ideal Novelty and Toy

ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ริชาร์ด ชไตฟ์ ชายหนุ่มผู้ทำงานกับป้า มาร์กาเร็ตเท ชไตฟ์ ( Margarete Steiff) นักธุรกิจของเล่นเด็กในเยอรมัน ริชาร์ดเรียนมาทางด้านศิลปะ เขาชอบวาดรูป และไปที่สวนสัตว์ในสตุตการ์ตบ่อยๆ เชไตฟ์ จะทำตุ๊กตาหมีในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ขณะนั้นการสื่อสารยังไม่เจริญเท่าใด ทั้งคู่จึงไม่ล่วงรู้ถึงความคิดสร้างสรรค์ของกันและกัน ตุ๊กตาหมี ของมิชทอมส์เป็นลูกหมีตาโต ตามการ์ตูนที่วาดโดยเบอร์รี่แมน ส่วนหมีของชไตฟ์มีลักษณะหลังค่อม จมูกยาว ดูเหมือนลูกหมีจริงๆ มากกว่า

ไม่นานหลังจากนั้น เดือนมีนาคมปี 1903 ในงานแสดงของเล่น เมืองลิปซิกในเยอรมัน ชไตฟ์เปิดตัว ตุ๊กตาหมี ครั้งแรกในงานนี้ แต่พ่อค้าชาวยุโรปไม่ค่อยให้ความสนใจนัก ตรงกันข้ามพ่อค้าของเล่นชาวอเมริกัน ซึ่งรู้ว่าชาวอเมริกันกำลังสนใจ "เทดดี้แบร์" จึงสั่งซื้อทีเดียว 3,000 ตัว ชไตฟ์จึงเข้าสู่ตลาดอเมริกาในจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมอย่างที่สุด

ปัจจุบันศิลปิน ตุ๊กตาหมีสร้างสรรค์งานออกแบบให้กับผู้ผลิตแบบอุตสาหกรรม เพื่อให้นักสะสมมีโอกาสสะสมตุ๊กตาจากนักออกแบบในราคาที่ถูกลง อันเนื่องมาจากการผลิตเป็นจำนวนมากนั่นเอง


ความนิยมในตุ๊กตาหมีเพิ่มมากขึ้นในฐานะเป็นของสะสมสำหรับผู้ใหญ่ กลับทำให้ราคาตุ๊กตาหมีโบราณ ที่ทำด้วยมือและคุณภาพดี ซึ่งกันทำในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 มีค่าสูงขึ้น ตุ๊กตาหมีโบราณที่ผลิตขึ้นในทศวรรษปี 1970 และ 1980 นำออกแสดงในงานประมูลตุ๊กตาและของเล่นโบราณกันมากขึ้น และราคาในการประมูลก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ราคาประมูลสูงสุดที่เคยมีการบันทึกคือในปี 1994 มีราคาสูงถึง 176,000 ดอลล่าร์ เป็นหมีที่ผลิตในเยอรมันโดยบริษัท ชไตฟ์ การประมูลกระทำกันที่สถาบันการประมูลคริสตี้ ในสหรัฐอเมริกา

ถึงวันนี้ ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่าความนิยมในเทดดี้แบร์จะลดน้อยถอยลง ในปี 1999 เฉพาะสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวตัวเลขการใช้จ่ายที่นักสะสมควักเงินซื้อ ตุ๊กตาหมี สูงถึง 441 ล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว.

Hello kitty




ประวัติ Hello kitty:


ชื่อ KITTY

วันเกิด 1 พฤศจิกายน (1974)

สถานที่เกิด ชานเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ที่อยู่ Kitty:

อาศัยที่บ้านสีขาวหลังคาแดง ห่างจากตัวเมืองลอนดอน

20 กิโลเมตร ในเมืองที่ไม่มีใครทราบชื่อซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 ชีวิต คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองแห่งนี้ได้

ภายใน 20 นาทีโดยรถยนต์ หรือ 30 นาทีโดยรถเมล์

X -->ส่วน :

น้ำหนักเท่ากับแอ๊ปเปิ้ล 3 ผล สูงเท่ากับแอ๊ปเปิ้ล 5 ผล

สิ่งที่ชอบ :

ของชิ้นเล็กๆน่ารักๆเหมือนตัวเธอนั่นเอง เธอสะสมดาวดวงเล็กๆ ปลาทองตัวน้อย เหรียญเงินและริบบิ้นมากมาย นอกจากนี้เธอยังชอบไปเที่ยวเล่นตามสาธารณะหรือในป่ากับเพื่อนๆอยู่เสมอ หากมีเวลาว่าง Kitty มักจะตรงดิ่งไปยังร้านลูกกวาดเสมอ เธอชอบลูกกวาดมากๆเลยล่ะ !

ราศี :พิจิก

สีที่ชอบ :แดง

จุดเด่น :

สิ่งที่ทำให้ทุกๆคนจดจำ Kitty ได้เสมอก็คือริบบิ้นสีแดงที่หูซ้าย

ของเธอและปุยหางอันฟูฟ่องของเธอนั่นเอง

ชายในสเป็ค Kitty :

ชอบผู้ชายที่ใจดีและเป็นมิตร รักครั้งแรกของ Kitty ก็คือ

Dear Daniel และเมื่อ Dear Daniel ได้เดินทางไปอยู่กับครอบครัวของเขาที่แอฟริกา Kitty ก็ได้หันมาคบกับ Tippy หมีหนุ่มเพื่อนร่วมชั้น

อาหารโปรด :

พายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือคุณแม่ ฮ็อทเค้ก พุดดิ้งและของหวานทั้งหลาย เช่น ลูกกวาด เป็นต้น

ความใฝ่ฝัน : นักเปียโนหรือกวี

วิชาโปรด:

ดนตรีและภาษาอังกฤษ

บุคลิก Kitty :

เป็นแมวน้อยที่ร่าเริง อบอุ่นและใจดี เธอมีฝีมือในการอบคุ้กกี้ที่แสนอร่อยและชอบทาน

พายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือของคุณแม่ เพื่อนสนิทของ Kitty ก็คือน้องสาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อว่า "Mimmy" นั่นเอง และตั้งแต่คุณพ่อของ Kitty ได้เข้าไปทำงานในนิวยอร์ค เธอจึงมีเท็ดดี้แบร์เป็นเพื่อนอีกมากมาย งานอดิเรกของ Kitty ก็คือการเดินทางท่องเที่ยว อ่านหนังสือ เล่นดนตรี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปียโน

เธอชอบชิมคุ้กกี้ฝีมือการอบของ Mimmy น้องสาว

และ Kitty ยังชอบเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน เธอโปรดปราน

การตีเทนนิส แต่สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดก็คือการพบปะ

ผู้คนและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ก็เป็นเหมือนที่ Kitty บอกกับทุกคนนั่นแหล่ะว่า

"ไม่มีวันที่เราจะรู้สึกว่าเรามีเพื่อนมากเกินไป"ด้วยเหตุนี้

นี่เอง Kitty จึงกลายเป็นสาวน้อย

ที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียน

โรงเรียน :

โรงเรียนตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางที่มุ่งสู่ลอนดอนห่างจากบ้านของ Kitty 4 กิโลเมตร โรงเรียนของ Kitty นั้นนับได้ว่าเป็นโรงเรียนที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งซึ่งปกคลุมไป

ด้วยต้นไม้และแวดล้อมสัตว์ป่าน้อยใหญ่ Kitty และ Mimmy เดินทางไปโรงเรียนด้วยรถเมล์ด้วยกันทุกเช้าซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเพียง

สามป้ายรถเมล์เท่านั้นคุณครูจะคอยทักทายกับพวกเธอทั้งสองอยู่ที่หน้าโรงเรียน

ทุกวัน และเป็นที่แน่นอนว่า Kitty และ Mimmy คือสองสาวที่ป็อปปูลาร์ที่สุด

ในโรงเรียน

คุณรู้มั้ย?

- Kitty ชอบแปรงฟันด้วยยาสีฟันกลิ่นสตรอเบอร์รี่ เธอห้ามใจแทบไม่ไหวทุกครั้งเมื่อได้กลิ่นหอมหวานของสตรอเบอร์รี่

- Kitty มักจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยจักรยานสามล้อ

คันเล็กของเธอเสมอ ไม่ว่าจะออกไปเที่ยวเล่นใกล้ๆบ้าน

ไปช็อปปิ้ง หรือแม้แต่เวลาที่เธอออกไปเล่นกับเพื่อนๆ

ตึกถล่ม ม.บูรพา




วิเคราะห์ข่าว: ตึกก่อสร้างคณะศึกษาศาสตร์ ม.บูรพา ถล่ม เนื่องจากเทพื้นปูนชั้น 2 หนัก 500 ตัน คานรับน้ำหนักไม่ไหวทำให้ตึกถล่มพังลงมาสาเหตุที่แท้จริงคิดว่าน่าจะมาจาก เมื่อสมัยก่อนพื้นที่แถวนั้นเคยเป็นสระน้ำมาก่อน และเพราะบริษัทเร่งก่อสร้างตึก ทำให้พื้นแบกรับน้ำหนักไม่ไหว และปูนที่เทพื้นชั้นที่ 2 อาจยังไม่แห้งดี เพราะว่าเกิดฝนตกลงมา ทำให้ตึกถล่มพังลงมา

kui society and facebook

คุยโซไซตี้เหมาะกับการนำมาใช้เพื่อการเป็นชุมชนเหมือน facebook ได้ แต่เครื่องมือที่ใช้ในคุยโซไซตี้

นั้นอาจจะไม่สะดวกเหมือนกับ facebook และเครื่องมือที่ข้าพเจ้าคิดว่าอยากให้มีใน คุยโซไซตี้ นั้นก็อย่างเช่น ไม่ปรากฏเพื่อนที่ออนไลน์ เครื่องมือในการใช้ ออฟชั่นต่างๆ จะค่อนข้างน้อยกว่าไม่ค่อยสะดวกเหมือน facebook

งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ภาคตะวันออก ครั้งที่ 27

บรรยากาศภายในงานนะค่ะ ก็มีนักเรียนและนักศึกษาจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วภาคตะวันออกหลายจังหวัดเลยนะค่ะ มาร่วมชมนิทรรศการและร่วมประกวดความสามารถทางวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมาก กิจกรรมภายในงาน ก็จะประกอบไปด้วย การจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย , นิทรรศการจากภาควิชาวิทยาศาสตร์ , การประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมนักประดิษฐ์ตัวน้อย , การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ และการแข่งขันตอบปัญหาและวาดภาพการ์ตูนวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้าราคาถูกมากมาย  และก็มีการประกวดเรียงความทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การแข่งขันกระบวนการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ และการแข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์